ราคาทองคําวันนี้

ราคาทองวันนี้ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ทองแท่ง ทองรูปพรรณ ราคาทองย้อนหลัง กราฟราคาทอง ข่าวแนวโน้มราคาทอง

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

96.5%รับซื้อขายออก
ทองคำแท่ง51,150.0051,250.00
ทองรูปพรรณ50,225.0852,050.00
วันนี้ 600-50
21 พฤษภาคม 2568เวลา 14:07 น.(ครั้งที่ 13)

ข่าวข่าวราคาทองคำ


ทองดีดรับ อียู-จีน ส่งสัญญาณฟื้นตัว


ราคาทองคำ ดีดตัวรับ คำแถลง ประธานธนาคารกลางยุโรป ที่ประเมินว่าทิศทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว…

ราคาทองคำดีดตัวผ่านแนวต้านบริเวณ 1,665 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงเกิดเป็นสัญญาณซื้อเก็งกำไรในระยะสั้น ก่อนที่ราคาจะดีดตัวขึ้นสู่แนวต้านที่ 2 ของวัน บริเวณ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเริ่มมีแรงขายทำกำไรกลับออกมา โดยการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโรตอบรับคำแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป ที่ประเมินว่าทิศทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

แนะจับตาผลประชุม ECB คาดมีผลต่อราคาทอง


จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษในช่วงเย็นวันนี้ ที่เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่า อาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ย หรือมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะมีผลต่อราคาทองคำ ด้านนักวิเคราะห์ให้ที่แนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,645-1,650 และ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์…

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านของวัน บริเวณ 1,665 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงขายกลับออกมา จนราคากลับลงมาปิดในแดนลบ แต่โดยรวมแล้ว การเคลื่อนไหวของราคาทองวานนี้ ยังคงเป็นการแกว่งตัวในกรอบแนวรับแนวต้านทางเทคนิค หลังจากยังไม่มีปัจจัย ชี้นำใหม่ๆ ที่มีนัยสำคัญเพียงพอ ที่จะทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้น หรือลงได้มากนัก

คืนนี้รอติดตามรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ


ราคาทองคำปรับฐานลงในช่วงคืนที่ผ่านมาจากการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯที่อาจยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินก่อนสิ้นปี 2013 ทำให้เกิดแรงเทขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง…

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ฮั่วเซ่งเฮงรายงานว่า ราคาทองคำปรับฐานลงในช่วงคืนที่ผ่านมาจากการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯที่อาจยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินก่อนสิ้นปี 2013 ทำให้เกิดแรงเทขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,662.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 23.54 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,661 และ 1,689 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ขายออกที่บาทละ 24,300 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,200 บาท กองทุน SPDR รายงานว่ามีการลดปริมาณการถือทองคำลง 10.54 ตัน ส่งผลให้กองทุนถือครองทองคำรวม 1,340.279 ตัน

ทองไทยลงแรงบาทละ 450 บ. รูปพรรณขาย 24,250


สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อขายทองคำครั้งแรกของวันลดลงถึงบาทละ 450 บาท ตามราคาในตลาดโลก โดยทองรูปพรรณซื้อคืนบาทละ 23,407.04 บาท ขายออกบาทละ 24,250 บาท

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. มีรายงานว่า ราคาซื้อขายทองคำในประเทศไทยโดยสมาคมค้าทองคำ ประกาศครั้งแรกของวันปรับลดลงรุนแรงถึงบาทละ 450 บาท โดยทองคำรูปพรรณซื้อคืนบาทละ 23,407.04 บาท ขายออกบาทละ 24,250 บาท ส่วนทองคำแท่งซื้อคืนบาทละ 23,750 บาท ขายออกบาทละ 23,850 บาท ซึ่งเป็นไปตามราคาซื้อขายในตลาดโลกที่ปรับลดลง และค่าเงินบาทซึ่งเป็นทิศทางแข็งค่า

ฮั่วเซ่งเฮงคาดทองแกว่งตัวระหว่าง 1,670-1,700 ดอลลาร์


ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง รายงานสถานการณ์ทองคำว่า ราคาทองคำเริ่มดีดตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงกลางวันหลังจากทราบรายงานข่าวว่า สภาคองเกรสของสหรัฐฯ มีมติให้ความเห็นชอบกฎหมายที่จะทำให้สหรัฐฯสามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง แต่ด้วยตลาดการเงินของญี่ปุ่นและจีนยังปิดทำการ ทำให้แรงซื้อขายยังมีเข้ามาค่อนข้างน้อย แต่ในการซื้อขายช่วงค่ำ ราคาทองเริ่มดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านจิตวิทยาบริเวณ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงขายกลับออกมาจนราคาปิดตลาดลดช่วงการบวกลง โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,686.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.47 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,670 และ 1,694 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ขายออกที่บาทละ 24,250 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,150 บาท กองทุน SPDR รายงานว่ามีการลดปริมาณการถือทองคำลง 0.9 ตัน ส่งผลให้กองทุนถือครองทองคำรวม 1,349.92 ตัน

ฮั่วเซ่งเฮงเผยทองนิ่งรอตามผลการประชุมสภาผู้แทนสหรัฐ


เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ฮั่วเซ่งเฮงรายงานสถานการณ์ทองคำว่า ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ หลังจากในการซื้อขายวันจันทร์ซึ่งตลาดการเงินของสหรัฐฯเปิดทำการนั้นมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามามากจนราคาทองดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณ 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตอบรับการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังได้สำเร็จ แต่ในขณะนี้ยังคงรอความชัดเจนของการประชุมสภาผู้แทนของสหรัฐฯว่าจะอนุมัติแผนการดังกล่าวหรือไม่หลังจากในวันจันทร์วุฒิสภาของสหรัฐฯได้อนุมัติแผนการในการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังไปแล้ว โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,674.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับปิดของวันจันทร์ 1.00 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,665 และ 1,675 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม ขายออกที่บาทละ 24,100 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 24,000 บาท

ฮั่วเซ่งเฮง แนะจับตาปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ กระทบทองคำปี56


ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง รายงานสถานการณ์ทองคำว่า ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นประเด็นหลักที่คาดว่าจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2556 ซึ่งประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังและเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าจะมีแนวทางแก้ไขในลักษณะใด ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้น ค่อนข้างชัดเจนว่าจะยังคงมีการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปจนกว่ารายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั้งอัตราการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะปรับตัวดีขึ้น โดยในการประชุมครั้งหลังสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แถลงค่อนข้างชัดเจนว่าการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จะผูกติดอยู่กับรายงานตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานเป็นสำคัญ และรายงานตัวเลขทั้ง 2 ยังคงเอื้อให้มีการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปในปี 2556 และอาจต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินในลักษณะดังกล่าวนั้น เอื้อให้ราคาทองคำยังปรับตัวขึ้นได้ต่อในภาพรวม แต่ในระหว่างทางอาจมีการแกว่งตัวผันผวนตามรายงานข่าวต่างๆ ที่มีออกมา

ฮั่วเซ่งเฮง แนะจับตาจัดอันดับเพดานหนี้ กระทบการเคลื่อนไหวทอง


ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง รายงานสถานการณ์ทองคำว่า ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2556 ในภาพรวมยังคงคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากปี 2555 และหมายความว่าจะมีความผันผวนมากขึ้น การเก็งกำไรในระยะสั้นจึงมีความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งกรณีของการลงทุนผ่านทองคำแท่ง หรือตราสารทางการเงินอื่นที่อ้างอิงอยู่บนราคาทองคำ ประเด็นหลักที่ต้องติดตามยังอยู่ที่แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยุโรป และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินการคลังของประเทศต่างๆ โดยในส่วนของประเด็นปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้น คงต้องรอติดตามว่าปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ จะมีทางออกในลักษณะใด โดยมีการประเมินว่าหากผ่านพ้นปี 2555 ไปแล้วและยังไม่มีทางออกสำหรับปัญหาดังกล่าว ในปี 2556 การปรับลดรายจ่ายทางการคลังและการปรับเพิ่มภาษีที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเป็นปัจจัยที่กดดันให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจเริ่มชะลอตัวลง และแนวทางที่อาจเป็นทางออกสำหรับการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นนั้น คาดว่าจะยืดเยื้อต่อเนื่องไปอีกพอสมควร และจะมีเพียงการให้ความเห็นชอบจากสมาชิกจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในกฎหมายบางส่วนที่เพียงพอให้มีการบริหารประเทศไปได้เท่านั้น