ราคาทองคําวันนี้

พุธ 23 กรกฏาคม เปิดตลาดทองขึ้น 50 บาท ทองคำแท่งขาย 19,750 ทองรูปพรรณขาย 20,150

ประกาศราคาทอง ชนิด96.5% ประจำวันพุธที่ 23 กรกฏาคม 2557 ครั้งที่ 1 เวลา 09.19 น. จาก สมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) เปิดตลาดวันนี้ทองขึ้น 50 บาท จากปิดตลาดเมื่อวานนี้(วันอังคารที่ 22 กรกฏาคม 2557) โดย

ทองคำแท่ง รับซื้อคืนอยู่ที่บาทละ 19,650 บาท และขายออกที่บาทละ 19,750 บาท
ส่วน ทองรูปพรรณ รับซื้อคืนอยู่ที่บาทละ 19,359.32 และขายออกที่บาทละ 20,150 บาท

ส่วนตลาดทองคำนิวยอร์ก(COMEX-Commodity Exchange) ปิดตลาดเมื่อคืนนี้(22) พบว่าร่วงลง 7.6 ดอลลาร์ ที่ 1,306.3 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำร่วงลง หลังจากรายงานยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐเดือนมิถุนายนปรับตัวเพิ่ม และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยขึ้นแตะดับสูงสุดในรอบ 8

ทองฟื้นตัวเหนือ 1,300$ ได้เมื่อวันศุกร์ วันนี้คาดแกว่งตัวในกรอบแคบ ในประเทศเช้านี้เปิดตลาดคงที่จากวันเสาร์

เมื่อวันศุกร์ราคาทองคำดีดตัวกลับขึ้นมายืนอยู่เหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ในขณะที่ภาพรวมของราคาทองคำตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3และทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ทั้งสัปดาห์ทองคำกลับสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 0.7%

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำอย่างตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงผันผวนโดยก่อนประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐในวันศุกร์ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้กดดันราคาทองผ่านการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ อีกทั้งจากหลายๆปัจจัยทั้งในระยะสั้นอย่างสถานการณ์ในคาบมุทรไคเมียก็ผ่อนคลายลง รวมถึงผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรปก็ยังไม่มีมาตราการใดๆออกมา ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงถูกลดความน่าสนใจลง

และประเด็นหลักที่ตลาดเฝ้าจับตาอย่างตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐประจำเดือนมีนาคมได้ประกาศออกมาเมื่อคืนวันศุกร์ พบว่าตัวเลขขยายตัวน้อยกว่า

ทองทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งคาดทะลุ $1,400 จับตาสถานการณ์ยูเครน รวมทั้งประชุมเฟดกลางสัปดาห์ ในประเทศเช้านี้ขึ้น 50

ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งประเด็นหลักที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคำในขณะนี้มาจากความตึงเครียดในแถบคาบสมุทรไครเมียเขตปกครองตนเองของยูเครน ซึ่งล่าสุดหลังการลงประชามติของประชาชนในไครเมียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 95% ต้องการจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และจากผลการลงประชามตินี้น่าจะทำให้เกิดความตึงเครียดในยูเครนมีมากขึ้น และจับตาดูท่าทีจากชาติตะวันตกรวมทั้งสหรัฐว่า จะมีการตอบโต้และมาตราการใดๆ ต่อรัสเซีย

และหลังจากนี้เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่า สถานการณ์ในยูเครนจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากสถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นคาดว่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำให้พุ่งทะยานต่อไปได้ ซึ่งนักวิคราะห์เชื่อว่าจะได้เห็นราคาทองพุ่งขึ้นเหนือ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไม่ช้านี้

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งยังเชื่อว่า ราคาทองจะถูกสกัดกั้นจาการปรับลดมาตราการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ มาตราการ QE ที่

ทองขึ้นรับประเด็นความขัดแย้งในยูเครนและความกังวลเศรษฐกิจจีน ในประเทศเช้านี้ขึ้น 200 บาท

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นหลังจากได้รับแรงหนุนจากประเด็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย และคาดว่าในระยะนี้ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ต่อ

นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ยังคงไม่แน่นอนในยูเครน หลังจากรัฐสภาของสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียมีมติรับคำประกาศอิสรภาพจากยูเครน ซึ่งระบุว่าไครเมียจะกลายเป็นเอกราช หากชาวไครเมียประมาณ 2 ล้านคนลงคะแนนสนับสนุนการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในการทำประชามติวันอาทิตย์นี้ ขณะที่ทางด้านรัสเซียก็ยังคงมีท่าทีแข็งกร้าวต่อสถานการณ์ไครเมีย

นอกจากนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของจีนยังคงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำ โดยกรมศุลากรจีนรายงานว่า ยอดส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ ร่วงลง 18.1% จากปีก่อน ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 10.1% ส่งผลให้จีนมียอดขาดดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์ 2.298 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง

ทองยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด ระยะสั้นยังคงผันผวนจากหลายปัจจัย ในประเทศบาทแข็งกดดันต่อ

ราคาทองคำมีความผันผวนเป็นอย่างมากในระยะสั้น โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำร่วงลงกว่า 1.01% หลังจากสหรัฐประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ออกมาดีกว่าที่คาด โดยพบว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง หลังจากในเดือนมกราคมได้เพิ่มขึ้น 129,000 ตำแหน่ง และถึงแม้ว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 6.7% จาก 6.6% ก็ตาม

และจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐโดยเฉพาะด้านแรงงานที่แข็งแกร่งส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำไม่น่าดึงดูดใจอีกต่อไป โดยตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานเป็นพิเศษ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประเมินแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะยังคงเดินหน้าลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนลงอย่างต่อเนื่องทีละน้อยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในประเทศยูเครนที่ยังมีปัญหา หลังรัฐบาลท้องถิ่นของไครเมีย

ทองพุ่งทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือนหลังดอลลาร์อ่อน คืนนี้ตามข้อมูลแรงงานสหรัฐ ในประเทศบาทแข็งกดดันทองต่อไป

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นทำสถิติปิดสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ปี 56 ในเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยปิดที่ระดับ 1,351.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากเพราะได้รับแรงสนับสนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรปมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดต่อไป ในขณะที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างคึกคัก ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในคืนนี้เวลาประมาณ 02.00 ตามเวลาไทย

ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ภายหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อในยูโรโซนเคลื่อนไหวต่ำกว่าเป้าหมายของยูโรโซน

นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี กล่าวว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของอีซีบีสรุปว่ายังจะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจ โดยนับ