| 96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
|---|---|---|
| ทองคำแท่ง | 43,600.00 | 43,700.00 |
| ทองรูปพรรณ | 42,811.84 | 44,200.00 |
| วันนี้ 600 | 50 | |
| 21 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 15:38 น. | (ครั้งที่ 7) |
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อคืนนี้(จันทร์ที่ 3 มิ.ย.56) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 18.9 ดอลลาร์ หรือ 1.36% ปิดที่ 1,411.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนกรกฏาคม 56 เพิ่มขึ้น 47.8 เซนต์ ปิดที่ 22.721 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำดีดตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงค่ำวานนี้(จันทร์ที่20 พ.ค.56) หลังจากที่ตลาดอนุพันธ์ของไทยปิดทำการ โดยคาดว่าเป็นการดีดตัวทางเทคนิค และการปิดสถานะขายของนักลงทุนในตลาดต่างประเทศ จนทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นเป็นวันแรก หลังปรับตัวลงติดต่อกัน 7 วัน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวลงต่อไป…
โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวานนี้(จันทร์ที่20 พ.ค.56) ที่ 1,393.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 34.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่บริเวณ 1,338 และ 1,399 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้(จันทร์ที่20 พ.ค.56) ขายออกที่บาทละ 19,150 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 19,050 บาท ทองรูปพรรณชนิด 96.5% ขายออกที่บาทละ 19,550 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,768.08 บาท กองทุน SPDR รายงานว่ามีการปรับลดปริมาณการถือครองทองคำลง 6.91 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำ รวม 1,031.50 ตัน
ราคาทองนิวยอร์คศุกร์ที่ 17 พ.ค.56 ปิดร่วง$22.2 ปิดที่1364.7$ ต่อออนซ์ หลังดอลล์แข็งค่า และสหรัฐเปิดข้อมูลที่แข็งแกร่ง
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงสุดสัปดาห์เมื่อคืนนี้(ศุกร์ที่ 17 พ.ค.56) ทำสถิติร่วงลงติดต่อกัน 7 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าก็ฉุดให้ราคาทองคำร่วงลง
ตัวเลขว่างงานในสหรัฐปรับตัวลดลงเกิดคาด กดดันให้ราคาทองตลาดนิวยอร์คปิดลบที่ 5.1 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,468.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในการซื้อขายเมื่อคืนนี้(พฤหัสบดีที่ 9 พ.ค.2556) เนื่องจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย ได้กระตุ้นให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,468.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตลาดทองโลก ปิดพุ่ง 24.9 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,473.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขานรับข้อมูลการค้าจีนสดใส ความต้องการซื้อทองในเอเชียยังแข็งแกร่ง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 24.9 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 1,473.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 23.927ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 12.1 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 6.8 เซนต์ ปิดที่ระดับ 3.3705 ดอลลาร์ต่อปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,504.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พุ่งขึ้น 23.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 698.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 17.65 ดอลลาร์
ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดวานนี้(ศุกร์ที่ 3 พ.ค.56) ปรับลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ -0.23% โดยราคาทองปิดที่ 1,464.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,464.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ตลอดสัปดาห์(29เม.ย.-3พ.ค.56) สัญญาทองคำเพิ่มขึ้น 0.7% เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรปมีมติลดอัตราดอกเบี้ย และจากความต้องการทองคำจริง (physical demand) ที่แข็งแกร่ง
โกลเบล็กมองแนวโน้มทอง”ขาลง” แนะเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ 1,150-1,530 ดอลลาร์/ออนซ์
นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้งแมนเนจเม้นท์ หรือ GBX เปิดเผยถึงกรณีที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงในขณะนี้ว่า แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ให้นักลงทุนทยอยซื้อขายตามกรอบแนวรับแนวต้านที่ 1,150 – 1,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมทั้งให้ติดตามราคาทองคำในช่วงระหว่างวันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่า ทิศทางราคาทองคำในขณะนี้เป็นช่วงขาลง และมีความผันผวนอย่างมาก
โดยจะเห็นได้จากราคาทองคำในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่เคยหลุดต่ำกว่า 1,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ล่าสุดราคาทองคำปรับตัวลดลงมาแตะระดับ 1,386 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งราคาปรับตัวลดลงเฉลี่ย 9.4% หรือ 144 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 7.7 ดอลลาร์ จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นอันเนื่องมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไซปรัส โดยคาดว่าความไม่แน่นอนของแผนให้ความช่วยเหลือไซปรัสจะยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ที่มาโดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์