ราคาทองคําวันนี้

ทองตลาดโลกร่วงต่อเนื่อง จากปัจจัยเดิม ในประเทศวันนี้(14) สวนทางขึ้น 200 บาท คาดจากบาทอ่อนลง

ราคาทองคำในตลาดโลกปรับลดลงแรงตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากสถานการณ์ในซีเรียที่คลี่คลายลงไปมากตามลำดับ จากการเจรจาในวิถีทางการทูตที่ดำเนินการไปได้ด้วยดี บวกกับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างดุลการค้าและยอดขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯออกมาดีกว่าที่คาด เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ลงในการประชุม FOMC ในวันที่ 17-18 กันยายนนี้

เมื่อคืนนี้สหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาดการณ์หลายตัว โดยยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนกันยายนก็ร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน

ทองดิ่งต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ จากวิกฤติซีเรียคลีคลายและเศรษฐกิจสหรัฐฯ สดใส ในประเทศทองหลุด 20,000 แล้ว

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ร่วงลงอย่างหนัก จากแรงเทขายทำกำไร และเป็นการปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ โดยปัจจัยลบมาจากรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2549 และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ กระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจจะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ในการประชุมสัปดาห์หน้านี้(17-18 ก.ย.) และนอกจากนี้สถานการณ์ในซีเรียก็เริ่มคลี่คลายลง หลังจากที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรตะวันตก หันมาใช้ยุทธวิธีทางการทูตแทนการใช้ยุทธวิธีทางทหารต่อซีเรีย ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกลับออกมาลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงแทน ส่งผลให้ราคาทองคำถูกกดดันหนักจนหลุดกรอบแนวรับที่สำคัญทางเทคนิคบริเวณ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทองดิ่งหลังวิกฤติซีเรียเริ่มคลีคลาย แนวโน้มปรับลดลงต่อ สัปดาห์หน้าประเด็น QE ส่งผลทั้งบวกและลบ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้วและลดลงต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวานนี้ เหตุจากตลาดคลายความวิตกกังวลในสถานการณ์ในประเทศซีเรียเริ่มคลี่คลาย หลังจากจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรตะวันตก เริ่มมีทีท่าโอนอ่อนผ่อนตาม จากการที่รัฐบาลซีเรียยอมรับข้อเสนอของรัสเซียที่จะส่งมอบอาวุธเคมีให้อยู่ภายใต้การควบคุมของนานาชาติ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดเงินและตลาดทุน และปรับตัวขึ้นสวนทางกับทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ

ส่วนประเด็นหลักนอกจากสถานการณ์ในซีเรียแล้ว สัปดาห์หน้าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 17-

ทองขึ้น-ลงผันผวนในกรอบแคบ รอปัจจัยใหม่ชี้นำ ในประเทศบาทแข็งต่อเนื่อง กดดันทองปรับลดลง

ราคาทองคำเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบแคบ หลังจากปลายสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้นจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอ และปิดตลาดเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงหลังจากมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนทั้งรายงานดุลการค้าและรายงานดัชนีเงินเฟ้อที่ออกมาค่อนข้างดี ส่งผลให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง

ด้านสถานการณ์ในซีเรีย นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่สหรัฐฯ จะใช้กำลังทหารเข้าโจมตีซีเรีย เนื่องจากล่าสุดประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องการให้มีการใช้วิธีทางการทูตเพื่อคลี่คลายวิฤติดังกล่าว ประเด็นดังกล่าวจึงนำมาสู่การเคลื่อนทุนจากสินทรัพย์ปลอดภัยไปสู่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง และกดดันราคาทองต่อไป

ราคาทองดิ่งหลุด $1,400 คาดผันผวนก่อนและหลังรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯคืนนี้

ราคาทองคำปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีกว่าที่คาด จึงเกิดแรงเทขายทำกำไรทางเทคนิค และลดความเสี่ยงก่อนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทีสำคัญของสหรัฐฯในค่ำวันนี้ โดยนักลงทุนเฝ้าติดตามตัวเลขผู้ว่างงาน รวมถึงยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดกันว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจลดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมใหญ่วันที่ 17-18 กันยายนนี้

รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม ผลสำรวจประเมินว่า จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ทองกลับตัวดิ่งลง หลังจากรัสเซียขวางสหรัฐฯ โจมตีซีเรีย ในประเทศบาทแข็ง กดดันทองลง 200 บาท

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากความกังวัลในสถานการณ์ในประเทศซีเรียจะรุนแรงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดปลอดภัย และตลอดทั้งวันนักลงทุนก็เฝ้าจับตาสถานการณ์ในซีเรีย อย่างใกล้ชิด จนกระทั้่งมีรายงานว่า รัสเซียได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่สหรัฐฯ จะใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรีย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสหประชาชาติ(UN) ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกลับมาเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยออกมา

อีกทั้งราคาทองยังได้รับปัจจัยลบกดดันราคาให้ปรับลง จากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมกำลังขยายตัวในอัตราเล็กน้อยจนถึงปานกลางในพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ถึงเดือนสิงหาคม แต่อย่างไรก็ตามยังมีตัวเลขยอดขาด