ราคาทองคําวันนี้

ทองโลกยังร่วงต่อ จากประเด็นปรับลด QE รอปัจจัยใหม่สนับสนุน ในประเทศเช้านี้บาทอ่อนหนุนทองขึ้นอีก 150 บาทเท่าเมื่อวาน

ราคาทองคำร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงเมื่อใด โดยยังเป็นประเด็นหลักที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้

ล่าสุด นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ค กล่าวว่า การลดขนาดมาตรการดังกล่าวควรเริ่มต้นในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ในทุกประเภทปรับลดลงรวมถึงราคาทองคำปรับลดลงอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ประธานเฟดหลายท่านก็ได้ออกมาแถลงส่งสัญญานสนับสนุนการปรับลด QE นี้หลายครั้ง

ประเด็นจากซิตี้กรุ๊ป รวมทั้ง มอร์แกน สแตนลีย์ และ โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดการคาดการณ์ราคาทองคำในปีนี้ลง โดย ซิตี้

ทองปรับลงต่อ หวั่นเฟดลดทอน QE เดือนหน้า ในประเทศลงต่อเนื่องวันนี้ลงอีก 200 รวมลงแล้ว 450 จากวันเสาร์

ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วค่อนข้างผันผวนก่อนและหลังทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าให้คงนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ต่อไปทำให้ทองดีดตัวขึ้นกว่า 4% ในวันพุธ และหลังจากนั้นราคาทองเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ สลับกับมีแรงขายทำกำไรออกมาทำให้ราคาเริ่มอ่อนตัวลง และเมื่อวันศุกร์ได้ปรับตัวลงแรง หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ลงในการประชุมเดือนหน้านี้

นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาเซนต์หลุยส์ เผยว่า เฟดอาจลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรเล็กน้อยในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม(29-30) นี้ หลังจากที่สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงิน(FOMC) ของเฟดมีมติก่ำกึ่งระหว่างลดกับไม่

ทองโลกร่วง จากแรงเทขายหลังทองพุ่ง เหตุวิตกเฟดอาจปรับลด QE ประชุมเดือนหน้า ในประเทศลดตาม 250 บาท

ราคาทองคำสัปดาห์นี้ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือนหลังจากทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศเดินหน้านโยบายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE วงเงินเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารอื่นๆ 85,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ 0-0.25% พร้อมทั้งยืนยันว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงแตะ 6.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่เคลื่อนไหวสูงกว่า 2.5% เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการจ้างงานที่ยั่งยืน

ปัจจัยที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์หน้า มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน รายงานยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ และยอดทำสัญญาขายบ้าน

ทองทั่วโลกพุ่งแรง ขานรับเฟดเดินหน้า QE ระยะสั้นยังขาขึ้น ในประเทศบาทแข็ง กดดันทองเพิ่มน้อย

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์หลังผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FOMC ตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐฯ ให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

เมื่อคืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างดีไม่ว่าจะเป็น ยอดขายบ้านมือสองเดือนสิงหาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีกว่า รวมทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ ก็ออกมาน้อยกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ราคาทองคำในเช้าวันนี้ปรับตัวลดลง

ทองคำผันผวนก่อนและหลังประชุมเฟด คาดรอความชัดเจนมาตราการ QE ชี้นำการเคลื่อนไหว

ราคาทองคำเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงในระดับใกล้เคียงกับวันศุกร์(13)ที่ผ่านมา หลังมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยง กดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากส่วนหนึ่งของนักลงทุนเฝ้ารอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เริ่มขึ้นในวันนี้(17)ถึงวันพรุ่งนี้(18)และคาดว่าผลการประชุมจะออกมาในช่วงค่ำของวันพุธถึงเช้าวันพฤหัสบดี โดยระหว่างนี้คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ เพื่อรอความชัดเจนในแนวนโยบายของเฟดต่อมาตราการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE

ประเด็น นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ผู้มีแนวคิดในการยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินให้เร็วที่สุด ถอนตัว

ทองผันผวน นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดสัปดาห์นี้คาด ลด QE ไม่มากหรือคงเดิม

ราคาทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงปริมาณมากจากมีแรงขายทางเทคนิค หลังจากที่ราคาทองไม่สามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญ จากประเด็นที่ตลาดคลายความกังวลสถานการณ์ในซีเรียที่เคยเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนการฟื้นตัวของราคาทอง ประกอบกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง ส่งผลให้นักวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่อาจมีปรับลดนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้(17-18 ก.ย.)

ตลอดทั้งสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างให้ความสนใจและเฝ้าติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด เกี่ยวกับมาตราการ