ราคาทองคําวันนี้

ทองพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนจากสถานการณ์ความขัดแย้งของยูเครนและรัสเซีย ส่งผลในประเทศขึ้นรวมแล้ว 300

ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองในยูเครน หลังจากรัสเซียเข้ายึดคาบสมุทรไครเมียที่เป็นเขตการปกครองอิสระในยูเครนพร้อมทั้งสั่งห้ามยูเครนเข้าใกล้พื้นนี้ และจากมูลเหตุแห่งความขัดแย้งนี้ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลว่าจะเป็นชนวนสร้างความรุนแรง เลยเกิดการชะลอการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง และกลับเข้าซื้อทองคำและเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

โดยถึงแม้ว่ารายงานเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาภาพรวมออกมาค่อนข้างดีก็ตาม ก็ไม่อาจหยุดยั้งการทะยานขึ้นของราคาทองคำในระยะนี้ได้ โดยรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนกุมภาพันธ์ ปรับตัวขึ้นสู่ 53.2 จุด จากระดับ 51.3 จุด มากกว่าผลสำรวจที่ประเมินไว้ที่ 52.5 จุด ส่วนยอดการใช้จ่ายภาคการก่อสร้าง ประจำเดือนมกราคม ปรับตัวขึ้น 0.1% แต่เป็นการชะลอตัวลงจากเดือนธันวาคมที่ขยายตัวขึ้น 1.5% ซึ่งคาดว่าเป็นผลกระทบจากภาวะอากาศที่เลวร้ายในช่วงปลายปี ด้านตัวเลขดัชนี PMI เดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 45 เดือน

ภาพการเคลื่่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ ยังคงต้องเกาะติดประเด็นความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียอย่างใกล้ชิด โดยหากแนวโน้มสถานการณ์ยิ่งจะทวี

ทองพุ่งแรง!!! จากวิตกความรุนแรงในยูเครน ในประเทศรับอานิสงส์เปิดตลาดขึ้น 250 บาท

ราคาทองคำอ่อนตัวลงตามปัจจัยทางเทคนิคทั้งแรงขายทำกำไรและรายงานเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มกลับมาดีขึ้นเมื่อช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา(24-28 ก.พ.) อย่างไรก็ตามราคาทองคำกลับฟื้นตัวขึ้นแรงในเช้าวันนี้ จากความวิตกต่อเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศยูเครนหลังรัสเซียส่งทหารเข้าแคว้นไครเมียเขตปกครองพิเศษของยูเครนทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น

สถานการณ์การเมืองในประเทศยูเครนที่ตึงเครียดขึ้น หลังประเทศรัสเซียพยายามใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงประเทศยูเครน โดยประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียได้ส่งกำลังทหารเข้าไปในไครเมียซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของยูเครน โดยอ้างเพื่อจุดประสงค์ในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ทำให้สถานการณ์เริ่มส่อเค้ารุนแรงขึ้น และได้หนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยทะยานตัวขึ้นในเช้าวันนี้

ส่วนรายงานเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่ามีทั้งดีและไม่ดี โดยประมาณการ GDP ไตรมาส 4 ครั้งที่ 2 ขยายตัวลดลงที่ 2.4% จากประมาณการครั้งแรกที่

ทองเคลื่อนไหวผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ในประเทศทั้งสัปดาห์ขึ้น 100 บาท ทั้งเดือนก.พ. ขึ้น 1,050 บาท

ภาพรวมราคาทองคำตลอดทั้งสัปดาห์(24 ก.พ.-28 ก.พ.) พบว่า เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ และปรับขึ้นลงตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่มีออกมา ซึ่งเมื่อคืนทีผ่านมารายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์สหรัฐปรับตัวดีขึ้น ส่งผลกดดันราคาทองให้ปรับตัวลดลง

โดยรายงานจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 81.6 จากระดับเดือนมกราคม ที่ระดับ 81.2 เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ

ซึ่งความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้บ่งชี้ว่า การใช้จ่ายอาจจะเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่สหรัฐต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาวที่เลวร้ายในพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันต้องอยู่แต่ในที่พักอาศัยมากกว่าที่จะออกไปจับจ่ายใช้สอย

นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหยวนของจีน ก็เป็นปัจจัยถ่วงราคาทองด้วย เนื่องจากเงินหยวนที่อ่อนแรงจะทำให้ทองมีราคาแพง

ทองขึ้นเล็กน้อย หลังกังวลวิฤติการเมืองยูเครน และเศรษฐกิจสหรัฐซบเซาตอบรับประธานเฟดมีแนวโน้มชะลอ QE

ราคาทองคำดีดตัวกลับขึ้นเล็กน้อยและเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบมากขึ้น หลังจากมีความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในประเทศยูเครน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ประกอบกับรายงานเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาออกมาในเชิงลบ ในขณะที่ถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐชะลอตัวลงเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะชะลอแผนการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หากเศรษฐกิจซบเซาลง ซึ่งทำให้ราคาทองดีดตัวขึ้นระยะสั้น ตอบรับปัจจัยดังกล่าวข้างต้น

เมื่อคืนนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภา ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐ ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ อาจเป็นผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐก็จะเฝ้าติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งหลังจากคำแถลงดังกล่าวแล้วก็มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาซึ่งยังคงมีสัญญาณ