| 96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
|---|---|---|
| ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
| ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
| วันนี้ 550 | 50 | |
| 22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
ราคาทองคำตลาดโลก ปิดตลาดเมื่อคืนนี้(พุธ 24)ที่ 1,318.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวลดลง 28.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเป็นการปรับตัวลดลงวันแรก หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันนาน 4 วัน โดยปัจจัยหลักมาจากตัวเลข PMI ภาคการผลิต และยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้เงินดอลลาร์กลับแข็งค่า และเป็นปัจจัยลบกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้(อังคาร 23ก.ค.) และเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันหลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าเป็นการปรับฐานทางเทคนิคในทิศทางขาลงจากการปรับตัวสูงขึ้น
โดยแนวโน้มราคาทองคำจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจัยบวกส่วนหนึ่งมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลการปรับชะลอมาตรการ QE ของเฟด ซึ่งนายเบน เบอร์นันเก้ ยืนยันว่า การชะลอหรือยุติ มาตราการ QE นั้น จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองในประเทศเช้าวันนี้(อังคารที่ 23 ก.ค.) ราคาทองปรับขึ้น 450 บาท ตามราคาทองในตลาดโลก(Gold Spot) ที่ปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปิดเพิ่มขึ้น 43.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่ 1,336 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และนับเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ที่มีการปิดบวกวันเดียวมากที่สุด นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2012
ราคาทองคําสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบฟื้นตัวสลับทรงตัว และสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านทางเทคนิคที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านนี้ไปได้
ส่วนถ้อยแถลงของ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ในคืนวันพฤหัส(18) ว่า เฟดไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการปรับลดขนาดของโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE ในช่วงปลายปีนี้ โดยการกำหนดกรอบเวลาดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลหนุนให้ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้น
เมื่อวานนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ช่วงค่ำมีแรงซื้อขายเข้ามาทำให้ปิดตลาดราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และโดยภาพรวมของราคาทองสัปดาห์นี้ ยังทรงตัว โดยมีแนวโน้มแกว่งตัวทางเทคนิคในกรอบ 1,270-1300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งในกรณีที่ราคาปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้านหรืออ่อนตัวลงหลุดแนวรับคาดว่าจะมีแรงซื้อขายเข้ามามากจนราคาแกว่งตัวในกรอบที่กว้างมากขึ้น
ราคาทองคําทรงตัวติดต่อกันมาหลายวัน โดยมีสัญญาณจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคํา ที่ทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น โดยราคาทองคำตลาดโลกปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,290.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,276 และ 1,295 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้(อังคารที่ 16 ก.ค.) มีการปรับเปลียนราคา 2 ครั้งโดยเปิดตลาดมาทองลง 50 บาท และระหว่างวัน ปรับเพิ่มขึ้น 50 บาทอีก 1 ครั้ง ทำให้ปิดตลาด ราคาทองคำแท่ง ขายออกที่บาทละ 18,950 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,850 บาท ส่วน ทองรูปพรรณ ขายออกที่บาทละ 19,350 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,571 บาท
สัปดาห์นี้(จันทร์ที่ 3-ศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2556)ราคาทองคำ มีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ระหว่าง 1,390-1,420 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่โดนเทขายอย่างหนักติดต่อกัน สัปดาห์นี้ตลาดรอติดตามตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยรายงานตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดย ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐฯ เปิดเผยว่าการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 171,000 ตำแหน่ง ส่วนรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวเล็กน้อยถึงปานกลางนับตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ขณะที่การจ้างงานยังคงค่อนข้างซบเซา ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ธนาคารกลาง