ราคาทองคําวันนี้

ทองโลกร่วงหนักจากดอลลาร์แข็ง ในประเทศสวนทาง จากกนง.ลดดอกเบี้ย ส่งบาทอ่อนหนุนทองลงน้อย

ราคาทองคำนิวยอร์กปิดร่วงหนักแตะระต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2557 เพราะได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยสาเหตุการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทองคำร่วงลงอย่างหนักต่อเนื่อง หลังจากดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลในตะกร้าเงินนั้น พุ่งขึ้น 1.21% โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ พุ่งขึ้น 295,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นักวิเคราะห์ต่างก็คาดการณ์ว่า ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของเฟด(FOMC) ที่จะมีขึ้นระหว่างสัปดาห์หน้า ในที่ประชุมอาจจะเลิก

ทองร่วง จากดอลาร์แข็งค่าขานรับตัวเลขจ้างงานแข็งแกร่ง แนวโน้มยังอยู่ขาลง เช้านี้ในประเทศบาทอ่อนทองลง 50

ราคาทองคำตลาดโลกดิ่งลงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาด ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า

ทองคำได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ขานรับตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยภายหลังที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 295,000ราย หลังจากเพิ่มขึ้น 239,000 รายในเดือนมกราคม ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปีครึ่ง จากระดับ 5.7% ในเดือนมกราคมเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 240,000 ราย และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ 5.6%

และจากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งดังกล่าว ส่งผลเป็นปัจจัยสนับสนุนคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน

ทองคำฟื้นตัวต่อเนื่องหลังตัวเลขจีดีพีสหรัฐต่ำเกินคาดบวกกับจีนลดดอกเบี้ย ในประเทศเช้านี้บาทอ่อนทองขึ้น 100

ราคาทองคำยังฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากได้รับแรงหนุนจากรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาต่ำเกินคาด โดยเฉพาะตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ไตรมาส 4 ที่ลดลงต่ำกว่าการคาดการณ์ ขณะเดียวกันทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากที่ ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบกว่า 3 เดือน

โดยเช้านี้ราคาทองคำตลาดโลกดีดตัวตัวขึ้นแตะระดับ 1,221.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นหลังจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทองคำร่วงลงกว่า 5.5% และถือเป็นการดิ่งลงมากที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2014 โดยปัจจัยบวกต่อทองคำ มาจากรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสหรัฐ(จีดีพี) ในไตรมาสที่ 4 ที่พบว่าเติบโตเพียง 2.2% ต่อปี จากระดับ 2.6% ซึ่งเป็นการลดลงจากไตรมาส 3 ที่เติบโตถึง 5%

และนอกจากนี้ทองคำยังได้รับปัจจัยบวกหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังธนาคารกลางจีนออกมาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% สู่

วานนี้ทองร่วงหลุด 1,200$ เช้านี้ฟื้นขึ้นเหนือระดับดังกล่าว ค่ำนี้จับตาประธานเฟดแถลงนโยบาย ในประเทศเช้านี้ทองขึ้น 150

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมาต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน จากเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง อย่างไรก็ตามเช้านี้ทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับปิดเมื่อวาน ในขณะที่วันนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสในคืนวันนี้ตามเวลาไทย

เมื่อวานนี้ ทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากก่อนหน้านี้ราคาทองคำปรับตัวลงมาตั้งแต่วันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว หลังมีการบรรลุข้อตกลงในเรื่องปัญหาหนี้สินของกรีซ ส่งผลให้นักลงทุนถอนตัวออกจากตลาดทอง ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ความปลอดภัย

โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตะกร้าเงินนั้น ปรับตัวขึ้น 0.22% ทั้งนี้ การแข็งค่าดอลลาร์จะ

ทองคำเช้านี้มีทิศทางฟื้นตัวขึ้น หลังจากสัปดาห์ก่อนได้แรงหนุนจากดอลลาร์อ่อน ในประเทศบาทแข็งส่งทองคงที่

ราคาทองคำเช้านี้ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาด ส่วนตลาดทองคำในประเทศเปิดตลาดต้นสัปดาห์ทองคงที่ เงินบาทแข็งขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงจากรายงานเศรฐกิจของสหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่พบว่าตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอเกิดคาด ไม่ว่าจะเป็นมูลยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลดลง 0.8% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกินคาดถึง 25,000 ราย ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังนี้ สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ และได้ส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงลดลง และเพิ่มแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ให้ราคามีการฟื้นตัวขึ้นหลังจากราคาอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ทองปรับขึ้นเล็กน้อย หลังดอลลาร์อ่อนจากเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ ในประเทศเช้านี้บาทแข็ง ทองคงที่

ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากแรงหนุนการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้งตัวเลขจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขยอดค่าปลีก อย่างไรก็ตาม การบรรลุข้อตกลงสันติภาพในยูเครน เป็นแรงสกัดการปรับขึ้นของทองคำ

ทองคำตลาดนิวยอร์กกลับมาปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง และส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ทั้งนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์จะช่วยให้ทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้นมีราคาถูกลงและดึงดูดนักลงทุนให้เข้าซื้อ

โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมกราคม ลดลง 0.8% และเป็นการร่วงลง 2 เดือนติดต่อกัน หลังจากร่วงลง 0.9% ในเดือนธันวาคม ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเดือนมกราคม จะลดลงเพียง 0.5% และการปรับตัวลงของยอดค้าปลีกเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เป็นการสะท้อนถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอในช่วงปลายปีที่แล้ว

ทองร่วงแรง!! หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด ในประเทศทั้งสัปดาห์นี้ร่วง 750 วันเสาร์ร่วง 400

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา ปิดร่วงกว่า 2% หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกิดคาด สงผลทำให้นักลงทุนในตลาดกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์กัน

ทองคำตลาดล่วงหน้าสหรัฐ ปิดปรับตัวลง 2.2% หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่สูงเกินคาด ซึ่งหนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟด จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางปีนี้ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 257,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้นที่ราว 230,000 ราย โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมกราคม ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย

และนอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยปรับเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งจากที่มีการ

ทองดีดตัวขึ้น ขานรับข่าวจีนลดอัตรากันเงินสำรองและจ้างงานเอกชนสหรัฐอ่อนแอ ในประเทศเช้านี้บาททรงตัวทองขึ้น 50

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กกลับมาปิดบวก หลังร่วงลง 2 วันติด หลังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนสภาพคล่องภายในประเทศ นอกจากนี้ทองคำยังน่าดึงดูดเมื่อรายงานเศรษฐกิจการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐออกมาน่าผิดหวัง

ทองคำฟื้นตัวกลับขึ้นหลังจากร่วงลงก่อนหน้านี้กว่า 1% ขานรับข่าวมาตรการของทางการจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ธนาคารกลางจีนที่ประกาศปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR) ลงไป 0.5% ของเงินฝากธนาคาร โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะชะลอตัวและหนุนสภาพคล่องให้แข็งแกร่งขึ้น

และนอกจากนี้ รายงานเศรษฐกิจสหรัฐด้านแรงงานที่ออกมาอ่อนแอ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่ทำให้นักลงทุนเข้าทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยรายงานจาก ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ภาค

ทองปรับลดลงเพื่อพักฐาน หลังม.ค.เดือนเดียวขึ้น 8% ในประเทศบาทแข็งวานนี้ลง 200 เช้านี้ลงอีก 50

ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากเดือนมกราคมเดือนแรกของปี 58 ทองคำพุ่งทะยานขึ้นกว่า 8% อย่างไรก็ตามรายงานเศรษฐฐกิจสหรัฐที่น่าผิดหวังของสหรัฐ ส่งผลให้ทองคำปรับลดลงได้ไม่มาก

นักลงทุนเทขายทำกำไรทองคำในวันทำการวันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่เดือนมกราคมที่ผ่านมาเดือนเดียว ทองคำพุ่งขึ้นกว่า 8% แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในภาคการผลิตของสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนบางกลุ่มกลับเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ(ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 53.5 ในเดือนมกคาคม ซึ่งได้ลดลงจากระดับ 55.1 ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐประจำเดือนมกราคมอยู่ที่ 53.9 ซึ่งเป็นระดับเดียวกันเดือนธันวาคม 57