ราคาทองคําวันนี้

ทองเช้านี้ปรับลดลง คาดจากแรงขายทางเทคนิค หลังปรับขึ้นสูงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในประเทศเช้านี้บาทอ่อน ทองลง 50

เช้านี้ทองคำร่วงลงแล้วกว่า 5 ดอลลาร์ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุด 1,219 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปัจจัยหนุนทองคำมาจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ประเด็นความตึงเครียดในตะวันออกกลางและวิกฤติหนี้ของกรีซเป็นส่วนเสริมแรงหนุนต่อทองคำให้ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดดังกล่าว

ประเด็นจากที่เฟดยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากการประชุมครั้งล่าสุดเสร็จสิ้นลงนั้น ก็เกิดคาดการณ์ใหม่ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราวเดือนกันยายน หลังจากที่ก่อนหน้านี้คาดการว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงเดือนมิถุนายน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาไม่ดี นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นในเยเมนและปัญหาการเจรจาหนี้ระหว่างลูกหนี้กรีซและเจ้าหนี้ยูโรโซนยังไม่คลี่คลาย ทำให้มีเกิดมีแรงซื้อทองคำเข้ามาในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

อย่างไรก็ตามช่วงวันศุกร์ เริ่มมีแรงเทขายทำกำไรทองคำออกหลังจากที่ทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันกว่า 7 วัน ซึ่งประธานเฟดแถลงว่าเฟดคาดว่าการปรับขึ้นอัตรา

ทองพุ่ง จากดอลลาร์อ่อน หลังข้อมูลแรงงานสหรัฐผันผวน โดยเฉพาะประเด็นรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงลดลง ในประเทศทั้งสัปดาห์ทองขึ้น 350

ราคาทองคำพุ่งขึ้น จากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของแรงงานลดลงมากกว่าคาดในเดือนธันวาคม ในรอบกว่า 8 ปี แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราการว่างงานลดลง

ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง เนื่องจากทองคำซื้อขายกันด้วยสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ หลังจากสหรัฐเผยข้อมูลแรงงานที่ไม่สอดคล้องกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น 252,000 ราย จากระดับ 353,000 รายในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 240,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานลดลง 0.2% สู่ระดับ 5.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง ทั้งนี้ตัวเลขการจ้างงานในเดือนธันวาคม ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย

ราคาทองคำพุ่งกว่า 2% จากการเข้าซื้อเก็งกำไรหลังร่วงลงกว่า 3% ในประเทศเสาร์ขึ้น 100 ศุกร์ขึ้น 200

ราคาทองคำทะยานขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนได้กลับเข้ามาซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทองคำร่วงลงกว่า 3% แต่การซื้อขายยังคงเบาบางหลังจากที่ตลาดเปิดทำการภายหลังวันคริสต์มาส

โดยก่อนหน้านี้ ราคาทองคำร่วงลงไปแล้วกว่า 3% จากระดับสูงสุดในเดือนธันวาคม ในขณะเดียวกันการที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่แสดงถึงความแข็งแกร่งต่อเนื่อง ก่อให้เกิดกระแสความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ในปีหน้า

ซึ่งข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนกระแสการคาดการณ์ดังกล่าวในสัปดาห์นี้มาจาก รายงานจากตลาดแรงงาน โดยพบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 20 ธันวาคม ปรับตัวลดลง 9,000 ราย แตะที่ 280,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 290,000 ราย และนับเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ต่ำกว่าระดับ

สัปดาห์นี้ทองฟื้นตัวกว่า 2.4% หลังเฟดคงดอกเบี้ยต่ำนาน กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทองในประเทศทั้งสัปดาห์ขึ้น 350

ราคาทองคำปรับตัวลดลง หลังจากที่ทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในการซื้อขายระหว่างสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้อุปสงค์ในทรัพย์สินที่มีความปลอดภัยปรับตัวลดลง หลังรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ครั้งล่าสุด ได้ส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้(6-10 ต.ค.) พบว่าทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.4% และถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากที่พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆในตระกร้าเงิน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก และรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐครั้งล่าสุด(ประจำวันที่ 16-17 ก.ย) ระบุว่า สัญญาณชี้นำล่วงหน้าของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น(fed funds rate) นั้น จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นหลังจาก

ทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบ แนวโน้มมีทิศทางฟื้นตัว ในประเทศเงินบาทแข็ง กดทองไม่ให้ขึ้น

ราคาทองคำตลาดโลก(Gold Spot) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะปิดตลาดเมื่อวานนี้ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังนักลงทุนคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนกรกฏาคมเมื่อคืนที่ผ่านมา

จากข้อมูลค้าปลีกที่ซบเซาของสหรัฐทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ โดยเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐทรงตัวในเดือนกรกฏาคม ซึ่งนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์ของผู้บริโภคที่อ่อนแอ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากตัวเลขเดียวกันเดือนก่อนหน้านี้ขยายตัว 0.2%

ขณะที่ปัจจัยบวกจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงในตะวันออกกลางทั้งฉนวนกาซาและในอิรัก ต่างยังคงเป็นแรงหนุนต่อทองคำที่ถึงแม้ว่าราคาทองจะปรับลดลงแต่ก็ลดลงได้เพียงในกรอบจำกัด

คาดทองเคลื่อนไหวปรับฐาน ข่าวลด QE ยังกดดันต่อไป ในประเทศเช้านี้ขึ้น 100 บาทตามตลาดโลก

ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบคาดเคลื่อนไหวในลักษณะของการปรับฐาน หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่าข่าวเกี่ยวกับการลดขนาดมาตราการทางการเงินลง ของธนาคารกลางสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม การที่ทองไม่ได้ร่วงแตะระดับต่ำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็นับเป็นสัญญาณบวกสำหรับนักลงทุน ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาทองขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาก(จันทร์ 9 ธ.ค.) ปรับตัวเล็กน้อย 5.20 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 0.42% ที่ระดับ 1,234.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

โดยนายเจฟฟรีย์ แล็คเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ และ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย