เช้าวันจันทร์ราคาทองปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหนุนทางเทคนิคประกอบกับการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และตลาดหุ้นที่ปรับลดลงซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนในประเทศเปิดตลาดลดลง 50 บาท
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 51,500.00 | 51,600.00 |
ทองรูปพรรณ | 50,573.76 | 52,400.00 |
วันนี้ 250 | 250 | |
24 พฤษภาคม 2568 | เวลา 09:00 น. | (ครั้งที่ 1) |
ข่าวข่าวค่าเงิน
ราคาทองดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาซบเซาของสหรัฐและความเห็นของประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกต่อการดีดตัวขึ้นของทองคำ
ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีปัจจัยหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องมาจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงแตะต่ำสุดรอบ 10 เดือน ในประเทศเปิดตลาดคงที่เป็นวันที่ 2
ราคาทองฟื้นตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องมาจากได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
เช้าวันพุธราคาทองขยับขึ้นเล็กน้อยโดยภาพรวมยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1,242-1,246 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังมีปัจจัยลบกดดันภายหลังการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในเชิงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ราคาทองตลาดโลกร่วงลงเกือบ 10 ดอลลาร์เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สและการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงการแสดงความเห็นในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งผลในประเทศลงอีก 50 บาท
เช้าวันจันทร์ต้นสัปดาห์ราคาทองปรับตัวลดลงจากระดับราคาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากราคาฟื้นตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ภายหลังสหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาซบเซา ในประเทศประกาศราคาครั้งที่ 1 ราคาร่วงลง 100 บาท โดยมีเงินบาทแข็งค่ากดดัน
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากเมื่อวานดิ่งลงอย่างหนักกว่า 20 ดอลลาร์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดรวมถึงส่งสัญญานขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้