ราคาทองคำเช้านี้ค่อนข้างทรงตัวหลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลง จากแรงเทขายทำกำไร หลังจากวันอังคารราคาพุ่งขึ้นปริมาณมากส่วนรายงาน Beige Book เมื่อคืนนี้พบเศรษฐกิจสหรัฐขายตัวเล็กน้อย ส่งผลคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 51,350.00 | 51,450.00 |
ทองรูปพรรณ | 50,422.16 | 52,250.00 |
วันนี้ 50 | -50 | |
22 พฤษภาคม 2568 | เวลา 16:01 น. | (ครั้งที่ 10) |
ข่าวข่าวค่าเงิน
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นปริมาณมากเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยน รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากตัวเลขภาคบริการสหรัฐขยายตัวต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี
ราคาทองคำเช้าวันอังคารยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากตลาดการเงินของสหรัฐปิดทำการในวันแรงงาน ขณะที่ตลาดทองคำยังคงมีปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย
ราคาทองคำเช้าวันจันทร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมามาก เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่ออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดี ทองคำปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากสกุลดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค. ของสหรัฐออกมาน่าผิดหวังเมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีทองคำปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังจากกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยลดน้อยลง
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันแรก หลังจากราคาลดลงติดต่อกันหลายวัน โดยปัจจัยหนุนทองมาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงรายงานดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงของสหรัฐส่งผลทำให้นักลงทุนมีมุมมองว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้มีน้อยลง
ราคาทองคำปรับลดลงต่อเนื่อง หลังจากสกุลเงินดอลลาาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังล่าสุดมีปัจจัยสนับสนุนแนวทางดังกล่าวหลังจากตัวเลขจ้างงานเอกชนสหรัฐออกมาดีเกินคาด
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐขานรับรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐอยู่ในระดับสูงเกินคาดในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี รวมทั้งกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)