ศุกร์สุดสัปดาห์ราคาทองคำนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดรายงานเศรษฐกิจภาคแรงงานที่น่าผิดหวัง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐ และทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 51,500.00 | 51,600.00 |
ทองรูปพรรณ | 50,573.76 | 52,400.00 |
วันนี้ 250 | 250 | |
24 พฤษภาคม 2568 | เวลา 09:00 น. | (ครั้งที่ 1) |
ข่าววิเคราะห์ทอง
ราคาทองคำนิวยอร์กร่วงลงต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากได้รับปัจจัยลบจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อันเนื่องมาจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอย่าง ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ที่ฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่งจากไตรมาสแรก
ราคาทองคำเริ่มเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องมาจากนักลงทุนต่างเฝ้ารอติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะเสร็จสิ้นในช่วงดึกคืนวันนี้ตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญานการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ราคาทองคำนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเป็นวันแรกในรอบหลายวัน เนื่องมาจากได้รับปัจจัยบวกจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนต่างจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญานช่วงเวลาการขึ้น
ราคาทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี โดยเคลื่อนไหวหลุดระดับแนวรับสำคัญทางเทคนิค 1,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากปัจจัยลบเงินดอลลาร์แข็งค่ามาจากความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นดอกเบี้ย
ราคาทองคำนิวยอร์กสุดสัปดาห์นี้ปิดร่วงลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นสัปดาห์แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี โดยสาเหตุมาเนื่องมาจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ราคาทองคำนิวยอร์กปิดบวกได้เป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ จากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร และการเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังทองคำร่วงลงหนักหลายวันก่อนหน้านี้ ส่วนเช้านี้ทองกลับมาร่วงหนัก และทำจุดต่ำสุดใหม่ระดับ 1,079 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองนิวยอร์กทำสถิติปิดร่วงลงต่อเนื่อง 10 วันทำการ และดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากเพราะถูกเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาไว้ นอกจากนี้กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังคงสร้างแรงกดดันให้กับตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง