ปิดตลาดหุ้นไทยครึ่งวันเช้า(พฤหัสฯที่2พ.ค.56) บวก 0.95 จุด
โดยบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้(พฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556) ดัชนีปรับตัวในแดนบวกเล็กน้อย และเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเรื่องของการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง อาจจะส่งผลต่อการปรับตัวลดลงแรงของดัชนีเพราะการเทขายทำกำไรของนักลงทุนเพื่อตอบปัจจัยบวกดังกล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 1,595.72 จุด ก่อนปรับตัวขึ้นมาแตะระดับสูงสุดที่ 1,603.01 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,598.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด คิดเป็นเพิ่มขึ้น 0.06% มูลค่าการซื้อขาย 28,246.54 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 296 หลักทรัพย์ ลดลง 299 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 142 หลักทรัพย์
สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ
1.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 42.00 -2.00 (-4.55%)
2.INTUCH บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 88.50 +2.25 (+2.61%)
3.PTT บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 328.00 +2.00 (+0.61%)
4.JAS บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 8.50 +0.25 (+3.03%)
5.ADVANC บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ปิดที่ 274.00 +4.00 (+1.48%)
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดฯ ในวันนี้ ปรับตัวอยู่ในแดนบวก-ลบสลับกัน ซึ่งมีประเด็นที่น่าจับตามองกันต่อไปคือ การประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ (2 พ.ค. 56) จะมีมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกมาหรือไม่ รวมไปถึงอินเดียและออสเตรเลีย ก็อยู่ในช่วงการหารือเกี่ยวกับมาตรการนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ ในประเทศไทยเอง ยังคงเฝ้าติดตามเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่เช่นกัน ซึ่งความเคลื่อนไหวในตลาดวันนี้ จะอยู่ในรูปแบบ sideway ไปตลอดทั้งวัน และอาจต่อเนื่องไปจนถึงท้ายสัปดาห์ เพราะมีปัจจัยมาจากนักลงทุนยังคงรอคอยมาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า จากทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในช่วงบ่ายคาดว่า ตลาดหุ้นจะอยู่ในลักษณะ sideway ตลอดทั้งวัน ซึ่งดัชนีจะมีการปรับตัวขึ้น-ลงเคลื่อนไหวไม่แน่นอน เช่นเดียวกับช่วงเช้า
ด้านคำแนะนำในการลงทุน ช่วงนี้ควรพิจารณาจากหุ้นรายตัว หรือเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีประเด็นหนุน และเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานอิงต่อเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่มลิซซิ่ง ที่จะได้รับอานิสงส์สูงสุด หากมีนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกมา โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,590 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,600 จุด.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, settrade.com
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําพุ่งต่อ ทองไทยพุ่งแตะ44,000
แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองคําโลกพุ่งแรง ทองไทยขึ้นพรวด
วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคำ ทองไทยบาทแข็งกดดัน
วิกฤตสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหนุนแรงซื้อทองคําโลกพุ่งแรง
จันทร์เช้าทองคําตลาดโลกดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลทองไทยพุ่งแรงตาม
ดอลลาร์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดอาจชะลอลดดอกเบี้ยกดดันทองคําโลก
ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง ขานรับทรัมป์ชนะเลือกตั้งกดดันทองคํา
ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ
96.5% | รับซื้อ | ขายออก |
---|---|---|
ทองคำแท่ง | 44,150.00 | 44,250.00 |
ทองรูปพรรณ | 43,357.60 | 44,750.00 |
วันนี้ 550 | 50 | |
22 พฤศจิกายน 2567 | เวลา 17:09 น. | (ครั้งที่ 14) |
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ข่าวหุ้น, ข่าวเศรษฐกิจ